แม้การเกิดของ Swift มาใหม่ในแนวรถ ECO-CAR ขณะที่ Ettiga เข้ามาขอร่วมตลาดรถ City MPV (City Multi-Purpose Vehicle) แต่ค่าตัวราคาใกล้เคียงกันในช่วง 550,000 บวกลบ
โดย Swift แขวนป้ายราคาที่ 429,000-559,000 บาท ส่วน Ertiga ราคาเริ่มที่ 554,000 บาท ทำให้สร้างความโลเลพอควรกับแฟนพันธุ์แท้ของ Suzuki จำพวกเคยใช้ Caribean หรือ Vitara มาก่อน ขณะที่พวกแฟนคลับใหม่ก็เริ่มไว้วางใจว่าค่ายนี้มั่นคงแน่เพราะนอกจากบริษัทแม่เข้ามาทำตลาดเองแล้ว ยังลงทุนสร้างโรงงานผลิตในประเทศไทยอีกด้วย
จึงขอท้าวความถึงสินค้าตัวนี้ว่าทางเทคนิคแล้วจัดว่าไม่เป็นสองรองใคร เพราะคับแก้วด้านเครื่องยนต์จากการทำจักรยานต์ขาย จึงสามารถวิจัยพัฒนาเทคนิคเครื่องยนต์ให้ใช้ทนและประสิทธิภาพดีระดับซีซีต่อแรงม้า ขณะที่คุณภาพการผลิตของตัวรถก็ไม่ต่างจากรถญี่ปุ่นในระดับเดียวกัน การเลือกใช้สำหรับแฟนคลับใหม่คงพอวางใจได้ ทั้งความทนทาน อะไหล่ และบริการที่น่าจะโตตามจำนวนรถ โดยมีศูนย์บริการดั้งเดิมสมัยสยามอินเตอร์เป็นผู้แทนอยู่มากพอสมควร
สำหรับการเลือกรถคู่นี้ จากรูปแบบ+ขนาดก็คงเป็นคำตอบแรกเมื่อเห็นว่า จะใช้แบบจ๊าบเดี่ยวกีตาร์ในเมืองก็คงเป็น Swift เพราะความยาวต่ำกว่า 4 เมตรมีความกะทัดรัดใช้คล่องตัวมากจัดเป็น City Car ตัวจริง ส่วน Ertiga นั้นจะมีขนาดโตเท่ารถ Compact Car ที่ 4.3 เมตร แต่สร้างมาในแนวเน้นความจุของการโดยสารเพราะภายในจุแบบ 2+3+3 ที่นั่งและพร้อมให้แปลงเป็นรถแวนบรรทุกได้ รูปแบบจึงไปทาง City MPV คือเป็นรถ MPV ที่ใช่คล่องตัวจากขนาด ถ้าดูจากคุณสมบัติดังกล่าวสามารถตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก
แต่ถ้ายังโลเลต่อถึงด้านอื่นๆอย่าง รูปแบบแน่นอนว่า Swift ดูหล่อกว่ามาดมั่นกว่า Ertiga จากสัดส่วนโดยรวม แม้อายุจะคลอดมากกว่าครึ่งทศวรรษหุ่นก็ยังเข้ายุค พอโซ้ยกับรถ City Car ใหม่ใหม่สบายอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่า Swift ยังมาดมั่น ส่วน Ertiga นั้นดูมุมไหนก็เป็นรถทรงตรวจการณ์ คงต้องมองเทียบคู่แข่งระดับเดียวกันก็คงจบการซื้อไม่ยาก เพราะองค์เอว Ertiga ทันยุคมาก เป็นรถออกงานได้ไม่ขี้เหร่ ใช้ได้ทั้งประจำวันหรือแบบ SME นำสินค้าออร์เกนิคไปส่งก็ได้ จนถึงเปิดท้ายขายของตามแหล่งละลายทรัพย์ก็ตาม
สำหรับในมุมของนักขับแล้ว บอกได้ว่ารถคู่นี้ปรูดปราดเกินตัวมาก อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ระดับกว่า 13 วินาทีไม่มาก และสามารถทะยานทะลุ 160 กม./ชม. ในแบบนั่งสองคนสบาย ทั้งนี้มาจากอัตรส่วนระหว่าง น้ำหนัก/แรงม้าระดับเกิน 10:1 ไม่มาก แล้วทาง Suzuki ยังมอบชนิดเกียร์มาให้ตรงคุณสมบัติของเครื่องยนต์และการใช้งานของแต่ละแบบ
อย่าง Swift แม้จะใช้เครื่องยนต์แค่ 1.25 ลิตร แต่เป้นเครื่องยนต์ค่อนข้างทันสมัย (ทันสมัยสุดในเครื่องเท่ากันขณะนี้) โดยสร้างฝาสูบมาในแบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดี-ไอเสีย (DUO-VVT) ทำให้การเรียกแรงม้ากระฉับกระเฉงมาก สามารถขับแรงเร่งได้เท่าเครื่อง 1.6 ลิตรในยุคทศวรรษที่ 80 และพ่วงด้วยเกียร์ขับหน้าแบบ CVT ช่วยให้การขับขี่ต่อเนื่องเร่งแซงรวดเร็ว และสามารถกำหนดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้จากคันเร่งที่จะเลือกซ่าก็จ่ายแยะ ใช้ตามๆกันก็ประหยัดระดับ 18.6 กม./ลิตรได้ไม่ยาก เพราะความเร็วที่ 80 กม./ชม. ใช้รอบไป 1500-1600 รอบหรือเดินทางไกลที่ 100 กม./ชม. ก็กินแถว 2000 รอบเท่ารถกระบะดีเซลขนาด 3000 ซีซี อย่างไม่น่าเชื่อ
ขณะที่ Ertiga นั้นถึงใช้รหัสเครื่อง K1 เหมือนกันแต่ความจุมากกว่า Swift ราว 130 ซีซี จากฝาสูบที่วาล์วแปรผันฝั่งไอดีเท่านั้น และขยายขนาดสู่ช่วงชักยาวขึ้นหน่อย ก็ได้ม้ามา 95 ตัว แต่พอต้องลากตัวรถหนักเกือบ 1.3 ตันแรงก็แผ่วหน่อยเพราะอัตราส่วนน้ำหนัก/แรงม้าลงที่แถว 13:1 อีกทั้งต้องแบกน้ำหนักเกินสองคนบ่อย เหตุนี้วิศวกร Suzuki จึงใช้เกียร์แบบ 3 Auto มี Over-Drive ทด 0.700 อีก เกียร์ รวมเป็น 4 Auto คงไม่ผิด เมื่อบวกกับเฟืองท้ายทดมากกว่า Swift เกือบ 20% ก็เลยเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้ดีกว่า แต่ปลายแผ่วกว่าและเปลือง E20 มากกว่า เพราะความเร็ว 80 กม./ชม.ซดไป 2100 รอบเกือบเท่า 100 กม./ชม.ของ Swift ส่วนเดินทางไกลแบบไม่โดนทางหลวงเรียกที่ 100 กม./ชม. กินไป 2600 รอบ ฉะนั้นหากเดินทางไกลจุไปเต็ม 6-7 คนแล้ว ระดับ 90 กม./ชม. บวกลบก็คงได้ใกล้ 15 กม./ลิตร ไม่ยาก การทรงตัวก็ดี เพราะทั้งคู่มีขีดใช้ไม่เครียดก็ย่าน 110 กม./ชม. แซงไม่เกิน 130 กม./ชม. ไม่ต้องเกร็งแต่อย่างไร
เพียงเท่านี้ คิดว่าคงพอจะใช้ตัดสินใจเลือกระหว่าง Swift กับ Ertiga เพื่อเป็น Suzuki Fan Club สัก 3-5 ปีอย่างสบายทั้งงบ ค่าเชื้อเพลิง และต่อยอดสู่ Suzuki โมเดลอื่นในอนาคตที่จะพาเหรดเข้ามา
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก Motormart Magazine
ອຸປະກອນເສີມລົດ ລາຄາຖືກ
ສະບາຍດີ ລູກຄ້າລາວ ສົນໃຈ ສາມາດສອບຖາມໄດ້
Whatapp : +66859202922
Line ID : @diycarkit